2. "ไขความลับลาเต้รสเลิศ! เทคนิคการชงจากบาริสต้า Maru CHOT" (เน้นเทคนิคการชงและความน่าสนใจ)
3. "เรียนรู้วิธีชงลาเต้ ดื่มด่ำกับรสชาติละมุนจาก Maru CHOT" (เน้นการเรียนรู้และประสบการณ์การดื่ม)
Latte (ลาเต้): การเดินทางแห่งรสชาติที่นุ่มนวล เรียนรู้วิธีชงและเทคนิคพิเศษจาก Maru CHOT
เตรียมพบกับประสบการณ์การดื่มกาแฟที่เหนือระดับ! ลาเต้ (Latte) ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มกาแฟธรรมดา แต่เป็นการผสมผสานอันลงตัวระหว่างความเข้มข้นของเอสเปรสโซ่ และความนุ่มนวลของนม สร้างสรรค์เป็นรสชาติที่กลมกล่อม ละมุนละไม จนใครๆ ต่างหลงรัก วันนี้ Maru CHOT จะพาคุณไปรู้จักกับลาเต้ พร้อมเทคนิคการชงที่จะทำให้คุณกลายเป็นบาริสต้ามือโปร!
Latte (ลาเต้): จากอิตาลีสู่ทั่วโลก
ลาเต้ มีที่มาจากภาษาอิตาเลียน คำว่า "latte" หมายถึง "นม" สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของนมในเครื่องดื่มชนิดนี้ แม้ว่าต้นกำเนิดที่แน่ชัดอาจคลุมเครือ แต่เชื่อกันว่าลาเต้ถือกำเนิดขึ้นในอิตาลี ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลก จนกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในปัจจุบัน ความเรียบง่ายแต่ทรงพลังของลาเต้ ทำให้มันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย
Latte (ลาเต้): กาแฟ ลาเต้ มากกว่าแค่กาแฟและนม คือการผสมผสานที่ลงตัวของ:
• เอสเปรสโซ่เข้มข้น: หัวใจหลักของลาเต้ ให้ความเข้มข้น กลิ่นหอม และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ การเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพดี จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
• นมร้อนนุ่มนวล: นมสดที่ผ่านการตีฟองอย่างพิถีพิถัน สร้างสัมผัสที่เนียนนุ่ม และความละมุนละไม การควบคุมอุณหภูมิและความละเอียดของฟองนม เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ลาเต้มีรสชาติที่สมบูรณ์แบบ
วิธีชงลาเต้: เทคนิคจากบาริสต้ามืออาชีพ
การชงลาเต้ อาจดูง่าย แต่การสร้างลาเต้ที่สมบูรณ์แบบ นั้นต้องการทั้งทักษะและประสบการณ์ มาดูขั้นตอนการชงแบบละเอียดกันเลย:
1. เตรียมอุปกรณ์: เครื่องชงเอสเปรสโซ่ เครื่องตีฟองนม (แบบมือถือหรือแบบติดตั้งกับเครื่องชงก็ได้) แก้วสำหรับเสิร์ฟ นมสด และความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ลาเต้รสเลิศ!
2. ชงเอสเปรสโซ่: ชงเอสเปรสโซ่หนึ่งหรือสองช็อต ขึ้นอยู่กับขนาดแก้วและความเข้มข้นที่ต้องการ การบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดพอเหมาะ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลต่อรสชาติและความหอมของเอสเปรสโซ่
3. ตีฟองนมอย่างมืออาชีพ: นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ตีฟองนมให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม และมีฟองนมบางๆ ไม่ควรให้เกิดฟองนมหนา การควบคุมอุณหภูมิของนม และการตีฟองนมอย่างถูกวิธี เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ลาเต้มีรสชาติที่กลมกล่อม และสัมผัสที่นุ่มนวล
4. ผสมอย่างนุ่มนวล: ค่อยๆ เทนมสตีมลงในแก้วที่บรรจุเอสเปรสโซ่แล้ว โดยให้เทเป็นรูปทรงโค้ง เพื่อสร้างเลเยอร์ที่สวยงาม และให้รสชาติของกาแฟและนมผสมผสานกันอย่างลงตัว
5. เสิร์ฟอย่างมีสไตล์: ลาเต้สามารถตกแต่งได้ตามความชอบ เช่น ลวดลายบนฟองนม หรือผงโกโก้ แล้วเสิร์ฟทันที เพื่อให้ได้รสชาติและอุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบ
ลาเต้: มากกว่าเครื่องดื่ม คือความสุข
ลาเต้ ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่ม แต่ยังเป็นความสุข เป็นการผ่อนคลาย และเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี สามารถดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น เหมาะสำหรับทุกเวลา
ราคาขายเท่าไรต่อแก้ว และถ้าดื่มในโรงแรมเท่าไร
ราคาขายของกาแฟ Cappuccino ในประเทศไทยอาจจะแตกต่างกันไปตามสถานที่และบริการ แต่โดยเฉลี่ยแล้วราคาขายประมาณ 100-200 บาทต่อแก้ว ถ้าดื่มในโรงแรมและหรือบนเรือสำราญ ราคาอาจจะสูงกว่าประมาณ 300-500 บาทต่อแก้ว ขึ้นอยู่กับสถานที่และวัตถุดิบที่ใช้.
ผู้ชงกาแฟ คือใคร มีรายได้เท่าไร
ผู้ชงกาแฟ Latte (ลาเต้): คือผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟที่มีประสบการณ์และทักษะในการชงกาแฟให้ดี โดยมีรายได้ขึ้นอยู่กับสถานที่และบริการ แต่โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชงกาแฟอาจจะมีรายได้ประมาณ 12,000-20,000 บาทต่อเดือน และจะได้มากขึ้นอย่างมาก ถ้าทำงานในโรงแรมและบนเรือสำราญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพและลักษณะหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบเป็นองค์ประกอบ
เรียนรู้เพิ่มเติม: ติดตามเทคนิคการชงลาเต้เพิ่มเติม และสูตรลับเฉพาะจาก Maru CHOT ได้ที่ลิงก์แนะนำโพสด้านล่าง
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้นักเรียนโรงเรียนมารุสอนอาชีพการเรือสำราญและการโรงแรม (Maru CHOT) ผู้สนใจทั่วไป และผู้ที่สนใจธุรกิจกาแฟ ได้เข้าใจเกี่ยวกับกาแฟอย่างครอบคลุม เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการชงกาแฟ วัฒนธรรมการดื่มกาแฟในหลากหลายประเทศ และการวิเคราะห์ราคาขายในประเทศไทย
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจลาเต้มากขึ้น และสามารถชงลาเต้รสเลิศได้ด้วยตัวเอง ลองทำดูนะคะ แล้วคุณจะหลงรัก!
ศึกษาเพิ่มเติม:
1 Comment